แรก บทความ แนวโน้ม ERP ในปี 2025: การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในยุคดิจิทัล

แนวโน้ม ERP ในปี 2025: การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในยุคดิจิทัล

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงในแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจ ได้เปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการของระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซลูชันบนคลาวด์ไปอย่างมาก งานวิจัยอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าตลาด ERP ทั่วโลกจะเติบโตเกือบสองเท่าในอีกห้าปีข้างหน้า จาก 64.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เป็น 130 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2570 ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการปรับขนาด ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่าที่เพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์ม รวมถึงการรองรับปัญหาการขาดแคลนบุคลากร การเลิกจ้างครั้งใหญ่ และการทำงานระยะไกล

ทศวรรษหน้าจะนำไปสู่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีในระบบ ERP ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) จะเป็นศูนย์กลาง ทำหน้าที่อัตโนมัติงานประจำ เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งมีความปลอดภัยและความโปร่งใสในตัว จะปฏิวัติการจัดการห่วงโซ่อุปทาน มั่นใจได้ถึงการมองเห็นและการตรวจสอบย้อนกลับแบบครบวงจร เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) และความเป็นจริงเสมือน (VR) จะพลิกโฉมการฝึกอบรม การบำรุงรักษา และการทำงานร่วมกันทางไกล ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

พลังขับเคลื่อนของคลาวด์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ระบบ ERP จะมีการโยกย้ายไปยังคลาวด์มากขึ้น มอบความสามารถในการปรับขนาด ความยืดหยุ่น และลดค่าใช้จ่ายด้านไอที การเปลี่ยนแปลงนี้จะเร่งการนำโมเดลซอฟต์แวร์แบบบริการ (SaaS) มาใช้ ส่งผลให้บริษัทต่างๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่ความสามารถหลัก และปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที

โซลูชันที่ปรับแต่งได้

แนวทาง ERP แบบเหมารวมกำลังลดลง อุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ภาคการผลิตไปจนถึงภาคการดูแลสุขภาพ ต่างต้องการโซลูชันที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะของตน การปรับแต่งจะเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยระบบ ERP กำลังพัฒนาให้สามารถรวมฟังก์ชันการทำงานเฉพาะอุตสาหกรรมและสอดคล้องกับกฎระเบียบที่เข้มงวด

ยกตัวอย่างเช่น ในภาคการผลิต ระบบ ERP จะผสานรวมกับอุปกรณ์ IoT ได้อย่างราบรื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ในภาคการดูแลสุขภาพ ERP จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการข้อมูลผู้ป่วย การรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย (HIPAA) และลดความซับซ้อนของการจัดการวงจรรายได้

สถานการณ์ไดนามิก

อนาคตของ ERP นั้นน่าตื่นเต้น แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเปิดรับการเปลี่ยนแปลง ลงทุนในการพัฒนาบุคลากร และส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม ความร่วมมือระหว่างฝ่ายไอทีและฝ่ายธุรกิจจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการนำ ERP มาใช้

การติดตามเทรนด์ใหม่ๆ และใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี จะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถค้นพบโอกาสใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และได้รับความได้เปรียบทางการแข่งขัน

โอกาสสำคัญในภาคส่วนนี้

จากการวิเคราะห์แนวโน้มปัจจุบันและการคาดการณ์ในอนาคต พบว่ามีโอกาสหลัก 3 ประการที่โดดเด่นในสถานการณ์นี้สำหรับบริษัทที่ใช้ ERP:

– การตัดสินใจโดยขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: การใช้ประโยชน์จากพลังของ AI และ ML เพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าจากข้อมูล ERP จะทำให้สามารถตัดสินใจโดยขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นและมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์

– ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน: การนำเทคโนโลยีบล็อคเชนและการวิเคราะห์ขั้นสูงมาใช้สามารถปรับปรุงการมองเห็นห่วงโซ่อุปทาน บรรเทาความเสี่ยง และสร้างความยืดหยุ่นต่อการหยุดชะงัก

– ประสบการณ์ของลูกค้า: การใช้ประโยชน์จากข้อมูล ERP เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น จะทำให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่เป็นรายบุคคลได้ เพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า

แนวโน้มที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม

เมื่อมองไปข้างหน้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราสามารถเน้นย้ำถึงแนวโน้มสำคัญ 10 ประการที่จะกำหนดทิศทางการนำระบบ ERP บนคลาวด์มาใช้ทั่วโลกในภาคส่วนต่างๆ:

1. ระบบ ERP แบบโมดูลาร์

แนวคิด ERP แบบโมดูลาร์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเลือกและผสานรวมส่วนประกอบจากผู้จำหน่ายที่แตกต่างกันเพื่อความยืดหยุ่นที่มากขึ้น Gartner ระบุว่า แนวทางแบบโมดูลาร์นี้ช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการทางธุรกิจ

2. โซลูชั่นคลาวด์

การนำ ERP บนคลาวด์มาใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น ความสามารถในการปรับขนาด การเข้าถึง และต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง EY เน้นย้ำว่าการย้ายระบบไปยังคลาวด์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทต่างๆ ต้องการการอัปเดตอัตโนมัติและความปลอดภัยที่มากขึ้น

3. ปัญญาประดิษฐ์แบบบูรณาการ

การนำ AI เข้ามาใช้ในระบบ ERP ช่วยทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติและสร้างข้อมูลเชิงลึกเชิงกลยุทธ์ รายงานของ Gartner ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในปี 2025 ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการตัดสินใจ

4. ประสบการณ์รวม (TX)

ประสบการณ์โดยรวมนี้ผสานรวมประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงานเข้าด้วยกันเพื่อปรับปรุงการนำ ERP มาใช้ Gartner ระบุว่าแนวทางนี้มุ่งสร้างอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อห่วงโซ่ผู้ใช้ทั้งหมด

5. ระบบอัตโนมัติกระบวนการหุ่นยนต์ (RPA)

การใช้ RPA ที่ผสานรวมกับ ERP จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจัดการงานซ้ำซากให้เป็นระบบอัตโนมัติ Deloitte ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้บริษัทต่างๆ ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

6. การวิเคราะห์เชิงทำนายขั้นสูง

การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้ระบบเหล่านี้สามารถคาดการณ์ตลาดและการดำเนินงานภายในได้อย่างละเอียด Gartner คาดการณ์ว่าความสามารถนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ บริหารจัดการสินค้าคงคลังและห่วงโซ่อุปทานได้ดีขึ้น

7. การบูรณาการกับ IoT

อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) จะถูกผนวกรวมเข้ากับระบบ ERP มากขึ้น โดยนำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์จากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น McKinsey รายงานว่าการนำ IoT มาใช้กับระบบ ERP จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการผลิตและโลจิสติกส์เป็นหลัก

8. ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม

ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นสำหรับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ้น ภายในปี 2025 เทคโนโลยีควรมีฟังก์ชันการทำงานที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบและรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ EY เน้นย้ำว่าสิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามกฎระเบียบและนำแนวทางปฏิบัติที่รับผิดชอบมาใช้

9. การกำกับดูแลข้อมูลและความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุง

เมื่อปริมาณข้อมูลที่ประมวลผลเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก Gartner ชี้ให้เห็นว่า ERP จำเป็นต้องมีนโยบายความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎระเบียบต่างๆ เช่น LGPD และ GDPR

10. การปรับแต่งและความสามารถแบบ Low-Code/No-Code

การใช้แพลตฟอร์มแบบ low-code/no-code จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ปรับแต่ง ERP ของตนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อน Forrester ระบุว่าแนวโน้มนี้จะเอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กรและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

วิวัฒนาการของ ERP

การนำโซลูชันคลาวด์มาใช้ที่เพิ่มมากขึ้น การรวม AI และ ML การปรับแต่งส่วนบุคคลที่ได้รับการปรับปรุง การเน้นที่ประสบการณ์ของผู้ใช้ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มากขึ้น การเติบโตของโซลูชันเฉพาะอุตสาหกรรม และการบูรณาการที่ราบรื่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ ERP 

วิวัฒนาการของระบบ ERP สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิทัศน์ทางธุรกิจทั่วโลก ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการมองไปยังอนาคตและคาดการณ์แนวโน้ม ERP ที่จะกำหนดทิศทางในอนาคต บริษัทที่นำแนวโน้มเหล่านี้มาใช้จะมีความพร้อมสำหรับการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

โรแบร์โต อาเบรู
โรแบร์โต อาเบรู
Roberto Abreu เป็นผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันที่ BlendIT
บทความที่เกี่ยวข้อง

ล่าสุด

ได้รับความนิยมมากที่สุด

[elfsight_cookie_consent id="1"]