1. CPA (ต้นทุนต่อการเข้าซื้อ) หรือ ต้นทุนต่อการเข้าซื้อ
CPA เป็นตัวชี้วัดพื้นฐานทางการตลาดดิจิทัลที่ใช้วัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการหาลูกค้าใหม่หรือบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ตัวชี้วัดนี้คำนวณโดยการหารค่าใช้จ่ายทั้งหมดของแคมเปญด้วยจำนวนลูกค้าหรือจำนวนลูกค้าที่ได้รับ CPA มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น ยอดขายหรือจำนวนผู้สมัครสมาชิก ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถกำหนดจำนวนเงินที่ใช้ไปในการหาลูกค้าใหม่แต่ละราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณและกลยุทธ์ทางการตลาด
2. CPC (ต้นทุนต่อคลิก)
CPC (Cost Per Click) คือตัวชี้วัดที่แสดงถึงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายสำหรับการคลิกโฆษณาแต่ละครั้ง ตัวชี้วัดนี้มักใช้บนแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ เช่น Google Ads และ Facebook Ads CPC คำนวณโดยการหารต้นทุนรวมของแคมเปญด้วยจำนวนคลิกที่ได้รับ ตัวชี้วัดนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแคมเปญที่มุ่งเน้นการสร้างการเข้าชมเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page CPC ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถควบคุมการใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อให้ได้รับคลิกมากขึ้นภายใต้งบประมาณที่จำกัด
3. CPL (ต้นทุนต่อลีด) หรือ ต้นทุนต่อลีด
CPL เป็นตัวชี้วัดที่วัดต้นทุนเฉลี่ยในการสร้างลีด นั่นคือ ลูกค้าเป้าหมายที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่นำเสนอ โดยทั่วไปแล้วลีดจะได้มาเมื่อผู้เข้าชมให้ข้อมูลติดต่อ เช่น ชื่อและอีเมล เพื่อแลกกับสิ่งที่มีมูลค่า (เช่น อีบุ๊กหรือการสาธิตฟรี) CPL คำนวณโดยการหารต้นทุนรวมของแคมเปญด้วยจำนวนลีดที่สร้างขึ้น ตัวชี้วัดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท B2B หรือบริษัทที่มีวงจรการขายที่ยาวนานกว่า เนื่องจากช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การสร้างลีดและผลตอบแทนจากการลงทุนที่อาจเกิดขึ้น
4. CPM (ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง) หรือต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง
CPM คือตัวชี้วัดที่แสดงถึงต้นทุนในการแสดงโฆษณาหนึ่งพันครั้ง โดยไม่คำนึงถึงจำนวนคลิกหรือการโต้ตอบ คำว่า "Mille" ในภาษาละตินหมายถึงหนึ่งพัน CPM คำนวณโดยการหารต้นทุนแคมเปญทั้งหมดด้วยจำนวนการแสดงผลทั้งหมด คูณด้วย 1,000 ตัวชี้วัดนี้มักใช้ในแคมเปญสร้างแบรนด์หรือสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มการมองเห็นและการจดจำแบรนด์ มากกว่าการสร้างคลิกหรือ Conversion ทันที CPM มีประโยชน์สำหรับการเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้านต้นทุนระหว่างแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ และสำหรับแคมเปญที่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงและความถี่
บทสรุป:
ตัวชี้วัดแต่ละตัว ได้แก่ CPA, CPC, CPL และ CPM ล้วนให้มุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแคมเปญการตลาดดิจิทัล การเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ โมเดลธุรกิจ และขั้นตอนของช่องทางการตลาดที่บริษัทมุ่งเน้น การใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ร่วมกันจะช่วยให้เห็นภาพรวมของประสิทธิภาพโดยรวมของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมและสมดุลยิ่งขึ้น

